ลดความมันผิว
วิตามิน บี3 มีฤทธิ์เพิ่มการไหลเวียนของเส้นเลือด จึงสามารถใช้แก้ไขปัญหารอยคล้ำรอบดวงตา เนื่องจากรอยคล้ำรอบดวงตา เกิดจากการคั่งหรือการไหลเวียนได้น้อยของเลือดในบริเวณนั้น ทำให้เกิดสีคล้ำขึ้นมา การใช้ วิตามิน บี3 บริเวณรอบดวงตา ควรใช้ไม่เกิน 2% ซึ่งต่ำกว่าระดับที่สามารถใช้บนผิวได้ ไม่เกิน 5% แม้ว่า อ.ย. ไม่ได้มีการกำหนดเฉพาะสำหรับบริเวณรอบดวงตา แต่การใช้ในปริมาณสูงอาจทำให้เกิดอาการ flushing (แดง-แพ) ได้ เนื่องจากเป็นการไปกระตุ้นการไหลเวียนของเส้นเลือดมากเกินไปในบริเวณที่ผิวบอบบางมาก (รอบดวงตา)
สาร Niacin เป็นต้นเหตุของการแพ้ Vitamin B3 ในบางคน โดย Vitamin B3 ชนิด Safe-B3 เป็นชนิดพิเศษ ที่ผ่านกรรมวิธีขจัด Niacin ออก ทำให้เหลือ Naicin เจือปนอยู่น้อยที่สุด ซึ่งทำให้ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ที่เรียกว่า skin-flushing บนผิว เหมือนเช่น Vitamin B3 ชนิดทั่วไป ที่จะเกิดขึ้นกับบางคน ที่มีผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่าย
Safe-B3 มีผลการวิจัยรับรองว่าสามารถช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน และลดการเกิดสิวได้ เมื่อใช้ติดต่อกันอย่างน้อย 6-8 สัปดาห์
Safe-B3 เหมาะสำหรับผสมร่วมกับ N-acetyl Glucosamine เพื่อทำงานร่วมกันช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้น เป็น tone เดียวกัน และกระตุ้นการผลิต hyaluric acid ใต้ผิวตามธรรมชาติ
การใช้ : สำหรับผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอย whitening ให้ผิวกระจ่าง และช่วยต่อต้านสิว อยู่ในรูปของเจล เซรั่ม โลชั่น หรือครีม
วิธีการผสม : ผสมในน้ำ (water-phase) โดยสามารถทนความร้อนได้ แต่ไม่ควรใช้ความร้อนนาน และ pH ที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 3-8 (ดีที่สุดที่ 4.0-7.0)
อัตราการใช้ : 1-10% (แนะนำ 5% , ชนิด Safe-B3 สามารถใช้ได้สูงสุด 10% โดยไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคืองผิว)
ลักษณะผลิตภัณฑ์ : ผงสีขาว pH 6-7.5
การละลาย : สามารถละลายในน้ำ
การเก็บรักษา : หากต้องการเก็บในระยะยาว เก็บในอุณหภูมิห้อง ห้ามโดนแสงแดด ความร้อน ซีลฝาให้สนิท Grade > 99.75% ความบริสุทธิ์
*****************************************************************
Methylsulfonylmethane (Pure MSM)
Pure MSM (เมทิลซัลโฟนิลมีเทน หรือ DSMO2 , methylsulfone , methylsulfonylmethane , dimethyl sulfone) ความบริสุทธิ์สูง > 99.9%
คุณสมบัติ : ควบคุมความมัน ลดการผลิตน้ำมันของต่อมไขมัน ผลัดเซลล์ผิว (หากใช้ในความเข้มข้นมากกว่า 3%) สามารถใช้ในผลิตภัณฑ์สิว หรือ แชมพูรังแค
ซัลเฟอร์ยังสามารถช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจน MSM จึงเป็นที่นิยมในการผสมในครีมบำรุงผิวหลากชนิด ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นดี
ไม่เหมาะกับการใช้ร่วมกับ Vitamin C ในสูตรเดียวกัน เนื่องจากอาจทำให้ Vitamin C เกิดการ oxidation ได้เร็วขึ้น ทำให้เสื่อมคุณภาพเร็วกว่ากำหนด
การใช้ : สำหรับผลิตภัณฑ์ทุกชนิด
วิธีการผสม : ผสมในน้ำ (water-phase) สูตรต้องมี pH ในช่วง 3-7
อัตราการใช้ : 1-5% (แนะนำ 3% สำหรับช่วยควบคุมความมัน , สำหรับช่วยผลัดเซลล์ผิว ไม่ควรใช้เกิน 5%)
ลักษณะผลิตภัณฑ์ : ผงเกล็กสีขาว
การละลาย : สามารถละลายในน้ำ
การเก็บรักษา : สามารถเก็บในอุณหภูมิห้อง แต่ปิดฝาขวดให้สนิท แล้วมิดชิดจากแสงแดด หรือความร้อน ผลิตภัณฑ์มีอายุอย่างต่ำ 30 เดือน
Methylsulfonylmethane (Pure MSM)
คุณสมบัติ : ควบคุมความมัน ลดการผลิตน้ำมันของต่อมไขมัน ผลัดเซลล์ผิว (หากใช้ในความเข้มข้นมากกว่า 3%) สามารถใช้ในผลิตภัณฑ์สิว หรือ แชมพูรังแค
ซัลเฟอร์ยังสามารถช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจน MSM จึงเป็นที่นิยมในการผสมในครีมบำรุงผิวหลากชนิด ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นดี
ไม่เหมาะกับการใช้ร่วมกับ Vitamin C ในสูตรเดียวกัน เนื่องจากอาจทำให้ Vitamin C เกิดการ oxidation ได้เร็วขึ้น ทำให้เสื่อมคุณภาพเร็วกว่ากำหนด
การใช้ : สำหรับผลิตภัณฑ์ทุกชนิด
วิธีการผสม : ผสมในน้ำ (water-phase) สูตรต้องมี pH ในช่วง 3-7
อัตราการใช้ : 1-5% (แนะนำ 3% สำหรับช่วยควบคุมความมัน , สำหรับช่วยผลัดเซลล์ผิว ไม่ควรใช้เกิน 5%)
ลักษณะผลิตภัณฑ์ : ผงเกล็กสีขาว
การละลาย : สามารถละลายในน้ำ
การเก็บรักษา : สามารถเก็บในอุณหภูมิห้อง แต่ปิดฝาขวดให้สนิท แล้วมิดชิดจากแสงแดด หรือความร้อน ผลิตภัณฑ์มีอายุอย่างต่ำ 30 เดือน
*****************************************************************
Licorice Extract (Licochalcone A)
สารสกัด Licochalcone A จากชะเอมเทศ (Licorice Extract) มีคุณสมบัติ ลดการอักเสบของผิว ลดรอยแดงจากสิว ลดการระคายเคือง ลดความมันของผิว ควบคุมความมันใบใบหน้า ลดการเกิดสิว นอกจากนี้ ความสามารถในการควบคุมของมันของสาร Licochalone A ยังสามารถนำไปใช้สำหรับลดการผมร่วงที่เกิดจากหนังศีรษะมันเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของผมร่วง
ด้วยประสิทธิภาพในการลดการระคายเคืองสูงของ Licochalcone A ทำให้สามารถใช้ในสูตรครีม เพื่อลดอาการผื่นแพ้ (Eczema) ของผิวได้ ด้วยการใช้ในความเข้มข้น 3%
ผลการวิจัย :
- ลดการระคายเคือง ลดการแพ้ ลดการอักเสบ : Anti-inflammatory efficacy of Licochalcone A
- ลดความมันของผิว ลดความมันบนใบหน้า ลดความมันหนังศีรษะ (สามารถช่วยลดเส้นผมหลุดร่วง ซึ่งมีต้นเหตุมาจากหนังศีรษะที่มันมากเกินไป)
Licochalcone A ไม่ใช้สำหรับให้ผิวขาวใส
การใช้ : สำหรับผลิตภัณฑ์รักษาสิว หรือผลิตภัณฑ์แก้แพ้ แก้ผิวอักเสบ แก้ระคายเคือง อยู่ในรูปของเจล เซรั่ม โลชั่น หรือ ครีม
วิธีการผสม : ผสมในน้ำ (water-phase) หรือ emulsifier โดยสูตรต้องมี pH ในช่วง 3.8-6.5
อัตราการใช้ : 0.1-1.0% (แนะนำ 0.5% สำหรับลดความมันบนผิว แก้สิว แก้อักเสบระคายเคือง แก้แพ้) หากเป็นผื่นแพ้ (Exzema) ให้ใช้ที่ 3%
ลักษณะผลิตภัณฑ์ : ของเหลวสีน้ำตาล เนื้อข้นเล็กน้อย pH อยู่รหว่าง 3.9-5.9
การละลาย : สามารถละลายในน้ำ
การเก็บรักษา : หากต้องการเก็บในระยะยาว เก็บในอุณหภูมิตู้เย็น 5-8 องศา ห้ามโดนแสงแดด ความร้อน ซีลฝาให้สนิท มีอายุอย่างต่ำ 24 เดือน ในการเก็บระยะยาวอาจมีตะกอนเกิดขึ้น ก่อนใช้ให้ตั้งทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องประมาณ 3-6 ชั่วโมง จากนั้นนำมาปั่นให้เข้ากัน ก่อนใช้ ไม่มีผลเสียใดๆ ต่อประสิทธิภาพ
Licorice Extract (Licochalcone A)
ด้วยประสิทธิภาพในการลดการระคายเคืองสูงของ Licochalcone A ทำให้สามารถใช้ในสูตรครีม เพื่อลดอาการผื่นแพ้ (Eczema) ของผิวได้ ด้วยการใช้ในความเข้มข้น 3%
ผลการวิจัย :
- ลดการระคายเคือง ลดการแพ้ ลดการอักเสบ : Anti-inflammatory efficacy of Licochalcone A
- ลดความมันของผิว ลดความมันบนใบหน้า ลดความมันหนังศีรษะ (สามารถช่วยลดเส้นผมหลุดร่วง ซึ่งมีต้นเหตุมาจากหนังศีรษะที่มันมากเกินไป)
Licochalcone A ไม่ใช้สำหรับให้ผิวขาวใส
การใช้ : สำหรับผลิตภัณฑ์รักษาสิว หรือผลิตภัณฑ์แก้แพ้ แก้ผิวอักเสบ แก้ระคายเคือง อยู่ในรูปของเจล เซรั่ม โลชั่น หรือ ครีม
วิธีการผสม : ผสมในน้ำ (water-phase) หรือ emulsifier โดยสูตรต้องมี pH ในช่วง 3.8-6.5
อัตราการใช้ : 0.1-1.0% (แนะนำ 0.5% สำหรับลดความมันบนผิว แก้สิว แก้อักเสบระคายเคือง แก้แพ้) หากเป็นผื่นแพ้ (Exzema) ให้ใช้ที่ 3%
ลักษณะผลิตภัณฑ์ : ของเหลวสีน้ำตาล เนื้อข้นเล็กน้อย pH อยู่รหว่าง 3.9-5.9
การละลาย : สามารถละลายในน้ำ
การเก็บรักษา : หากต้องการเก็บในระยะยาว เก็บในอุณหภูมิตู้เย็น 5-8 องศา ห้ามโดนแสงแดด ความร้อน ซีลฝาให้สนิท มีอายุอย่างต่ำ 24 เดือน ในการเก็บระยะยาวอาจมีตะกอนเกิดขึ้น ก่อนใช้ให้ตั้งทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องประมาณ 3-6 ชั่วโมง จากนั้นนำมาปั่นให้เข้ากัน ก่อนใช้ ไม่มีผลเสียใดๆ ต่อประสิทธิภาพ
*****************************************************************
กรุณาหลีกเลี่ยงการใช้ BioSulphur กับ Vitamin C (Ascorbic Acid) ทุกชนิด เนื่องจากสามารถทำปฏิกิริยาต่อกันได้
คำเตือน : Ethyl Linoleate มีผิวสัมผัสที่บางเบามาก
Zinc PCA
Zinc PCA (ซิงค์ พีซีเอ) ช่วยลดความมันบนผิว เร่งการสมานแผล (เช่นแผลจากสิว) กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ขจัดรังแค ดับกลิ่นกาย และด้วยกลไกการลดการสร้าง DHT (dihydrotestosterone) ของผิว ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวมัน และหนังศีรษะมัน และส่งผลให้ผมหลุดร่วง Zinc PCA จึงมีประสิทธิภาพในการลดผมหลุดร่วง
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ใช้ Zinc PCA เป็นส่วนผสมสำคัญ
- เจลหรือเซรั่มควบคุมความมันผิว ลดการอักเสบของสิว
- ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใดๆ ที่ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- แชมพูหรือครีมนวดผม หรือ tonic ขจัดรังแค หรือหนังศีรษะลอก และลดผมหลุดร่วงซึ่งเกิดจากหนังศีรษะมัน
- ผลิตภัณฑ์ป้องกันกลิ่นกาย (deordorant)
Zinc PCA มีประสิทธิภาพสูงกว่า Zinc ชนิดอื่นๆ เช่น Zinc Sulfate , Zinc Gluconate สำหรับการลดความมันผิว ลดการเกิดสิว ช่วยให้ผิวสมานแผลเร็วขึ้น ลดการอักเสบของสิว
ไม่สามารถใช้ร่วมกับ Azelaic Acid , Hi-EGCG , Melatonin Forte , Atopi-Telmesteine , Four-EO ในสูตรที่มี L-Carnitine และ Zinc PCA หากมี L-Carnitine ในปริมาณมาก L-Carnitine อาจเกิดการตกตะกอนได้
การใช้ : สำหรับผลิตภัณฑ์ลดสิว (anti-acne) ผลิตภัณฑ์กำจัดรังแค (anti-dandruff) และผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นกาย
วิธีการผสม : ผสมในน้ำ (water-phase) โดยมาสามารถทนความร้อนได้ แต่ไม่ควรใช้ความร้อนนาน และ pH ที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 3-7
อัตราการใช้ : 0.2-1.0% (1.0% สำหรับลดความมันผิว/ลดการเกิดสิวอุดตัน , 0.2-0.3% สำหรับแชมพูหรือทรีตเม้นท์ขจัดรังแค)
ลักษณะผลิตภัณฑ์ : ผลสีขาว pH 5-6
การละลาย : สามารถละลายในน้ำ
การเก็บรักษา : หากต้องการเก็บในระยะยาว เก็บในอุณหภูมิห้อง ห้ามโดนแสงแดด ความร้อน ซีลฝาให้สนิท มีอายุอย่างต่ำ 5 ปี
*****************************************************************
L-Carnitine (Carnitine)
แอลคาร์นิทีน ความบริสุทธิ์พิเศษ >99% เป็นกรดอะมิโนที่เกิดตามธรรมชาติ และมีความสำคัญอย่างยิ่งกับไขมันในร่างกาย โดย L-Carnitine ให้ความชุ่มชื้นต่อผิวอย่างสมดุลย์ เมื่อผสมอยู่ในโลชั่น หรือครีม นอกจากนี้ ยังช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว โดยที่ไม่มีความเป็นกรด ทำให้อ่อนโยนต่อผิวมากกว่า และยังมีประสิทธิภาพในการลดความมันบนใบหน้า ด้วยการควบคุมการสร้างน้ำมันของรูขุมขน (reduce sebum production)
หากเปรียบเทียบกับกรด AHA/BHA ที่ใช้ผลัดเซลล์ผิวอย่างอื่น กรด AHA/BHA ทั่วไป เช่น glycolic , lactic , salicylic จะมีความเป็นกรดสูง และเหมาะสำหรับทำงานที่ pH ประมาณ 3-4 ซึ่งมักจะก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว ในขณะที่ L-Carnitine สามารถเร่งการผลัดเซลล์ผิวได้ที่ pH 6-7 จึงอ่อนโยนต่อผิวมากกว่า โดยในการปรุงเครื่องสำอางค์ เพื่อเร่งการผลัดเซลล์ผิว สามารถใช้ L-Carnitine ร่วมกับกรด AHA/BHA อื่นๆ หรือใช้ Acetyl L-Carnitien อย่างเดียวก็ได้
นอกจากให้ความชุ่มชื้นผิวเป็นอย่างดี และสามารถเร่งการผลัดเซลล์ผิวได้ L-Carnitine ยังช่วยรักษารอยแผลเป็น และรักษารอยไหม้ที่เกิดจากแสงแดด อีกทั้งยังสามารถช่วยลดเซลลูไลท์ (cellulite) เหมาะสำหรับผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแทบทุกประเภท
การใช้ : สำหรับผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้น ลดริ้วรอย อยู่ในรูปของเจล เซรั่ม โลชั่น หรือ ครีม
วิธีการผสม : ผสมในน้ำ (water-phase) โดยผลิตภัณฑ์ต้องมี pH ต่ำกว่า 8 หาก pH สูงกว่า 8 สาร L-Carnitine จะเสื่อมคุณภาพ (pH ที่ เหมาะสม 3.5-8) โดยควรเติมกรด เช่น citric acid , lactic acid เพื่อปรับ pH ให้ลงมาอยู่ในช่วงที่เหมาะกับผิว คือ 4-7
อัตราการใช้ : 1-5% (เลือกใช้ตามประสิทธิภาพที่ต้องการ โดยไม่เกิน 5% แนะนำ 3%)
ลักษณะผลิตภัณฑ์ : ผงเกล็ดสีขาว มีกลิ่นเฉพาะเจาะจง มี pH ประมาณ 7.5-9.5 (pH 7.5 ที่ความเข้มข้น 3%)
การละลาย : สามารถละลายในน้ำ
การเก็บรักษา : สามารถเก็บในอุณหภูมิห้อง แต่ปิดฝาขวดให้สนิท แล้วมิดชิดจากแสงแดด หรือความร้อน ผลิตภัณฑ์มีอายุอย่างต่ำ 2 ปี หลีกเลี่ยงความชื้น เนื่องจากชื้นง่ายมาก
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ใช้ L-Carnitine
Eucerin Dermo PURIFYER Fluido Hidratante Mattifying
Eucerin Diabetics' Dry Skin Relief Body Lotion
Eucerin Gel-Cream Oil Control Toucher Sec 30
*****************************************************************
MatteSilica (Silica ดูดซับความมันผิว)
ผงซิลิก้า ผ่านกระบวนการพิเศษเพื่อให้มีทรงกลม (spherical) ให้มีขนาดเล็ก (ขนาดเฉลี่ย 5-7 ไมครอน) และให้มีโพรง (porous surface) เพื่อช่วยดูดซับน้ำมันได้ดีกว่าชนิดทั่วไป สำหรับปรับเนื้อครีมหรือเนื้อแป้งให้ลื่น (slip) และช่วยดูดซับความมันส่วนเกินบนผิว เหมาะสำหรับใช้ผสมในเนื้อแป้งหรือเนื้อเจล เพื่อ
1. ให้ลักษณะ matte-Look (ผิวนวล) เมื่อทาผลิตภัณฑ์บนผิว ด้วยความสามารถในการดูดซับความมันโดยไม่ทำให้หน้าแห้ง
2. ช่วยเพิ่มความลื่น (posdery / slip) เมื่อใช้ในเนื้อครีม
ลักษณะพิเศษของ MatteSilica
1. ลักษณะผิวพิเศษ ดูดซับความมันได้สูงถึง 1.4-1.5 เท่า ของน้ำหนักซิลิก้าที่ใช้ ทำให้ช่วยคุมความมันได้ดี
2. ขนาดผงที่เล็กพิเศษ ให้ความลื่นได้มากกว่าปกติ
จุดเด่นของผงซิลิก้า
- ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับผงปรับปรุงเนื้อผลิตภัณฑ์ชนิดอื่น เช่น SiliSilk , AminoSilk , BB Micro Silk แต่ให้ความลื่นกับผิว (slippery effect) ช่วยลดความรู้สึก "ฝืด" บนผิวของสูตรบางชนิด เช่น สูตรกันแดด และสามารถดูดซับน้ำมันได้ในระดับเทียบเท่ากัน แม้ว่าคุณสมบัติอื่นๆ จะเทียบเท่าไม่ได้ (ตัวอย่างเช่น SiliSilk ให้ความรู้สึก "นุ่ม" ด้วย AminoSilk สามารถเคลมได้ว่า มาจากกรดอะมิโน (ไลซีน) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติ รวมถึง BB Micro Silk ซึ่งมีประสิทธิภาพในการพรางริ้วรอยและรูขุมขนบนใบหน้า)
- สามารถใส่ได้ในทุกสูตร ไม่ว่าจะเป็นเนื้อครีม เนื้อเจล (อาจทำให้เจลเป็นสีขุ่น) หรือเนื้อแป้ง โดยจะทำหน้าที่ให้ความลื่น และดูดซับความมันของผิว
- ให้สีที่นวล (Matte) เวลาทาลงผิว โดยไม่ให้ความรู้สึกแห้ง ซึ่งโดยปกติสามารถให้ผิวที่นวลได้โดยการใช้เนื้อแป้งต่างๆ (เช่น Kaolin) มาช่วยดูดซับความมัน แต่ข้อเสียของการใช้เนื้อแป้งจำนวนมาก คือ ความรู้สึกแห้งบนผิว (ไม่ลื่นเวลาทา - รู้สึกสากผิวเวลาทา) ซึ่ง MatteSilica จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสามารถให้ความนวลได้แม้ใช้ในปริมาณไม่มาก
ตัวอย่างการใช้ MatteSilica ในสูตรต่างๆ
- foundation เนื้อครีม : ช่วยให้เกลี่ยง่ายขึ้น ช่วยให้เนื้อ foundation ติดทนนานขึ้น และให้สีนวล (Matte) หน้าไม่เงา (แต่หากในสูตรเนื้อครีม มีน้ำมันอยู่ MatteSilica จะดูดซับน้ำมันในสูตรแทน และประสิทธิภาพในการดูดซับน้ำมันบนผิวจะหายไป แต่ยังให้ความรู้สึกลื่นผิว และทำให้เกลี่ยเนื้อผลิตภัณฑ์ได้ง่าย อยู่ดังเดิม)
- ลิปสติก : ให้สีนวล (Matte) ลดความเงา ให้ความรู้สึกลื่นเหมือนเนื้อแป้ง (powdery feel) ลื่นและกระจายเนื้อสีง่ายเวลาทา
- แป้ง (loose หรือ Pressed powder) : ให้สีนวล (Matte) ให้ความรู้สึกลื่น ให้เนื้อแป้งติดทนนานยิ่งขึ้น
ข้อควรระวังในการใช้ MatteSilica ในสูตรที่มีน้ำมันในสูตร (เช่นครีม หรือโลชั่น) ให้นำ MatteSilica ไปคนหรือปั่นในส่วนของน้ำ แล้วจึงประสานเข้ากับส่วนของน้ำมัน เพื่อป้องกันไม่ให้ผงดูดซับน้ำมันในสูตร
ความแตกต่างระหว่าง MatteSilica , MatteSilica S และ MatteSilica XL
- MatteSilica ดูดซับความมันได้ต่ำกว่า MatteSilica XL ประมาณ 3 เท่า แต่ให้ความลื่นมากกว่า
- MatteSilica S ดูดซับน้ำมันได้เทียบเท่ากับ MatteSilica แต่ให้ความนุ่ม เนื่องจากผ่านกระบวนการเคลือบ Dimethicone
- MatteSilica และ MatteSilica XL ให้ผิวสัมผัสที่คล้ายกัน โดยจะรู้สึกลื่น และแห้ง แต่ขาดความนุ่มที่ได้จาก MatteSilica S
- ควรเลือกใช้ให้ตรงกับผลที่ต้องการ หากเน้นทั้งความนุ่มลื่น และการซับความมัน ควรเลือก MetteSilica แต่หากเน้นเฉพาะการดูดซับความมัน ให้เลือก MatteSilica XL ซึ่งให้ความนุ่มลื่นได้น้อยกว่า MatteSilica
เปรียบเทียบความรู้สึกผิว ของผง emollient แต่ละชนิด
MatteSilica , MatteSilica XL : ลื่น , แห้ง , สาก
Silicone Gel Base (Ultra Clear) : ลื่น
BB Micro Silk : ครีม นุ่ม
PowderCream : นุ่ม ลื่น
AminoSilk : นุ่ม ลื่น พอเหมาะ เป็นธรรมชาติ
SiliSilk : นุ่มมาก ลื่น
Polymethylsilsesquioxane : นุ่ม ลื่น เหมือนซิลิโคน
RiceSorb : แห้ง สาก
เปรียบเทียบลักษณะเนื้อสูตร เมื่อใช้ผง emollient แต่ละชนิด
MatteSilica , MatteSilica XL : อาจเหลวขึ้น ชนิด XL ใช้ปริมาณมากอาจเกิดเป็นขุย
Silicone Gel Base (Ultra Clear) : ใช้ในปริมาณมากอาจเกิดเป็นขุย
BB Micro Silk : ไม่กระทบต่อเนื้อสูตร
PowderCream : เนื้อสูตรข้นขึ้น
AminoSilk : ไม่กระทบต่อเนื้อสูตร
SiliSilk : เนื้อสูตรข้นข้น การใช้ในปริมาณมากอาจเกิดเป็นขุย หรือรู้สึกเคลือบผิว
Polymethylsilsesquioxane : ไม่กระทบต่อเนื้อสูตร
RiceSorb : เนื้อสูตรข้นขึ้น
การใช้ : สำหรับผลิตภัณฑ์ใดๆ ที่ต้องการความลื่น และช่วยดูดซับน้ำมัน ให้ผิวนวล (Matte Lock)
วิธีการผสม : ผสมในขั้นตอนสุดท้าย โดยปั่นให้กระจายตัวในเนื้อสูตร สามารถทนความร้อนได้
อัตราการใช้ : 1-15% ปริมาณการใช้ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพที่ต้องการ
ลักษณะผลิตภัณฑ์ : ผลสีขาว น้ำหนักเบา อนุภาคเล็ก ลื่น
การละลาย : สามารถกระจายตัวในสูตรใดๆ ได้ แต่หากในสูตรมีน้ำมัน ให้ผสมในส่วนของน้ำ หรือผสมในขั้นตอนสุดท้ายเมื่อได้เนื้อครีมแล้ว
การเก็บรักษา : หากต้องการเก็บในระยะยาว เก็บในอุณหภูมิห้อง มีอายุอย่างต่ำ 2 ปี
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ใช้ matteSilica
Shiseido Pureness Matifying Stick - ใช้ MatteSilica เป็นส่วนผสมสำคัญ มากกว่า 10% ของสูตร
Spectacular - Makeup by Helena Rubinstein
*****************************************************************
MatteSilica XL (ดูดซับความมันผิวสูงสุด)
ผงซิลิก้า ผ่านกระบวนการพิเศษเพื่อให้มีทรงกลม (spherical) ให้มีขนาดเล็ก (ขนาดเฉลี่ย 5-7 ไมครอน) และให้มีโพรง (porous surface) เพื่อช่วยดูดซับน้ำมันได้ดีกว่าชนิดทั่วไป สำหรับปรับเนื้อครีมหรือเนื้อแป้งให้ลื่น (slip) และช่วยดูดซับความมันส่วนเกินบนผิว เหมาะสำหรับใช้ผสมในเนื้อแป้งหรือเนื้อเจล เพื่อ
1. ให้ลักษณะ Matte-Look (ผิวนวล) เมื่อทาผลิตภัณฑ์บนผิว ด้วยความสามารถในการดูดซับความมัน โดยไม่ทำให้หน้าแห้ง
2. ช่วยเพิ่มความลื่น (powdery / slip) เมื่อใช้ในเนื้อครีม
MatteSilica XL ถูกพัฒนาให้เน้นประสิทธิภาพการดูดซับความมันได้ถึง 4 เท่า ของน้ำหนักตัวเอง เมื่อเทียบกับ MatteSilica ชนิดธรรมดา ซึ่งสามารถดูดซับได้ประมาณ 1.4-1.5 เท่า ของน้ำหนักตัวเอง
การใช้ : สำหรับผลิตภัณฑ์ใดๆ ที่ต้องการความลื่น และช่วยดูดซับน้ำมัน ให้ผิวนวล (Matte Look)
1. ให้ลักษณะ Matte-Look (ผิวนวล) เมื่อทาผลิตภัณฑ์บนผิว ด้วยความสามารถในการดูดซับความมัน โดยไม่ทำให้หน้าแห้ง
2. ช่วยเพิ่มความลื่น (powdery / slip) เมื่อใช้ในเนื้อครีม
MatteSilica XL ถูกพัฒนาให้เน้นประสิทธิภาพการดูดซับความมันได้ถึง 4 เท่า ของน้ำหนักตัวเอง เมื่อเทียบกับ MatteSilica ชนิดธรรมดา ซึ่งสามารถดูดซับได้ประมาณ 1.4-1.5 เท่า ของน้ำหนักตัวเอง
ความแตกต่างระหว่าง MatteSilica , MatteSilica S และ MatteSilica XL
- MatteSilica ดูดซับความมันได้ต่ำกว่า MatteSilica XL ประมาณ 3 เท่า แต่ให้ความลื่นมากกว่า
- MatteSilica S ดูดซับน้ำมันได้เทียบเท่ากับ MatteSilica แต่ให้ความนุ่ม เนื่องจากผ่านกระบวนการเคลือบ Dimethicone
- MatteSilica และ MatteSilica XL ให้ผิวสัมผัสที่คล้ายกัน โดยจะรู้สึกลื่น และแห้ง แต่ขาดความนุ่มที่ได้จาก MatteSilica S
- ควรเลือกใช้ให้ตรงกับผลที่ต้องการ หากเน้นทั้งความนุ่มลื่น และการซับความมัน ควรเลือก MetteSilica แต่หากเน้นเฉพาะการดูดซับความมัน ให้เลือก MatteSilica XL ซึ่งให้ความนุ่มลื่นได้น้อยกว่า MatteSilica
เปรียบเทียบความรู้สึกผิว ของผง emollient แต่ละชนิด
MatteSilica , MatteSilica XL : ลื่น , แห้ง , สาก
Silicone Gel Base (Ultra Clear) : ลื่น
BB Micro Silk : ครีม นุ่ม
PowderCream : นุ่ม ลื่น
AminoSilk : นุ่ม ลื่น พอเหมาะ เป็นธรรมชาติ
SiliSilk : นุ่มมาก ลื่น
Polymethylsilsesquioxane : นุ่ม ลื่น เหมือนซิลิโคน
RiceSorb : แห้ง สาก
เปรียบเทียบลักษณะเนื้อสูตร เมื่อใช้ผง emollient แต่ละชนิด
MatteSilica , MatteSilica XL : อาจเหลวขึ้น ชนิด XL ใช้ปริมาณมากอาจเกิดเป็นขุย
Silicone Gel Base (Ultra Clear) : ใช้ในปริมาณมากอาจเกิดเป็นขุย
BB Micro Silk : ไม่กระทบต่อเนื้อสูตร
PowderCream : เนื้อสูตรข้นขึ้น
AminoSilk : ไม่กระทบต่อเนื้อสูตร
SiliSilk : เนื้อสูตรข้นข้น การใช้ในปริมาณมากอาจเกิดเป็นขุย หรือรู้สึกเคลือบผิว
Polymethylsilsesquioxane : ไม่กระทบต่อเนื้อสูตร
RiceSorb : เนื้อสูตรข้นขึ้น
การใช้ : สำหรับผลิตภัณฑ์ใดๆ ที่ต้องการความลื่น และช่วยดูดซับน้ำมัน ให้ผิวนวล (Matte Look)
วิธีการผสม : ผสมในเนื้อแป้ง ปั่นให้กระจายตัวทั่ว
อัตราการใช้ : 1-15% ปริมาณการใช้ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพที่ต้องการ
ลักษณะผลิตภัณฑ์ : ผงสีขาว น้ำหนักเบา อนุภาคเล็ก ลื่น
การละลาย : สามารถกระจายตัวในสูตรใดๆ ได้ แต่หากในสูตรมีน้ำมัน ให้ผสมในส่วนของน้ำ หรือผสมในขั้นตอนสุดท้ายเมื่อได้เนื้อครีมแล้ว
การเก็บรักษา : หากต้องการเก็บในระยะยาว เก็บในอุณหภูมิห้อง มีอายุอย่างต่ำ 2 ปี
*****************************************************************
Rice Vitamin
Vitamin B8 สกัดจากข้าว ให้ความชุ่มชื้นผิวอย่างต่อเนื่อง สามารถปรับความชุ่มชื้นผิวให้สมดุล เหมาะสำหรับทั้งผิวผสม เพื่อปรับความมันให้สมดุลขึ้น และเหมาะสำหรับผิวแห้ง เพื่อให้ความชุ่มชื้นผิว
จากการทดลอง พบว่า การใช้ Rice Vitamin ติดต่อกัน 6 สัปดาห์ วันละ 2 ครั้ง ในความเข้มข้นต่างๆ สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้
จากการทดลองพบว่า การใช้ติดต่อกันตั้งแต่ 0-6 สัปดาห์ จะช่วยคงความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้เป็นระยะเวลายาวนานและต่อเนื่อง
จากการทดลองพบว่า Rice Vitamin สามารถช่วยปรับสมดุลความมันและความแห้งของผิว จากผิวมันกลายเป็นผิวที่สมดุลขึ้น และจากผิวแห้งกลายเป็นผิวที่ชุ่มชื้นขึ้นได้
จากการทดลอง พบว่า การใช้ Rice Vitamin ติดต่อกัน 6 สัปดาห์ วันละ 2 ครั้ง ในความเข้มข้นต่างๆ สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้
การใช้ : สำหรับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทุกชนิด
วิธีการผสม : ผสมในน้ำ (water-phase) โดย pH อยู่ในช่วง 4-7
อัตราการใช้ :1-3% (แนะนำ 2%)
ลักษณะผลิตภัณฑ์ : ผลสีขาว
การละลาย : สามารถละลายในน้ำ
การเก็บรักษา : หากต้องการเก็บในระยะยาว เก็บในตู้เย็น หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน มีอายุอย่างต่ำ 24 เดือน
*****************************************************************
Vitamin B6 (Pyridoxine Hydrochloride)
วิตามิน บี6 มีประสิทธิภาพในการบำรุงผิวในหลายๆ ด้าน โดยมีจุดเด่นด้านการควบคุมความมัน และกระชับรูขุมขน
โดยสรุปการทำงานหลักของวิตามิน บี6 ดังนี้
- ปรับสมดุลความมันของผิว ด้วยการลดความมันในบริเวณที่มันเกินไป และเพิ่มความชุ่มชื้นในบริเวณที่แห้ง
- กระชับรูขุมขน สำหรับรูขุมขนที่กว้างกว่าปกติ จากความมันส่วนเกิน
- ลดการอักเสบของผิว ด้วยการยับยั้ง Interleukin 6 และ Interleukin 8
ข้อควรระวังในการใช้ Vitamin B6 ในสูตร
- Vitamin B6 มี pH ที่ต่ำ (ระหว่าง 2-3) ซึ่งเมื่อใช้ในสูตร จะกระทบกับ pH ของสูตร ทำให้ pH ของสูตรต่ำลง
- Vitamin B6 จะเสียคุณภาพได้รวดเร็ว หากถูกความร้อน ในขั้นตอนการผสม ห้ามใช้ความร้อนเกิน 40 องศา
- Vitamin B6 สามารถเสถียรใน pH ช่วง 2-6 เท่านั้น หาก pH สูงกว่านี้ จะทำให้เสื่อมคุณภาพ
- Vitamin B6 มีลักษณะเป็น electrolyte ซึ่งอาจทำให้เนื้อเจล หรือเนื้อครีม อ่อนตัวลง ในการสร้างเนื้อเจลหรือครีม ให้เพิ่มสัดส่วนของ Cream Maker หรือ Gel Maker ให้มากขึ้น เพื่อชดเชยการอ่อนตัวของเนื้อสูตร
โดยสรุปการทำงานหลักของวิตามิน บี6 ดังนี้
- ปรับสมดุลความมันของผิว ด้วยการลดความมันในบริเวณที่มันเกินไป และเพิ่มความชุ่มชื้นในบริเวณที่แห้ง
- กระชับรูขุมขน สำหรับรูขุมขนที่กว้างกว่าปกติ จากความมันส่วนเกิน
- ลดการอักเสบของผิว ด้วยการยับยั้ง Interleukin 6 และ Interleukin 8
ข้อควรระวังในการใช้ Vitamin B6 ในสูตร
- Vitamin B6 มี pH ที่ต่ำ (ระหว่าง 2-3) ซึ่งเมื่อใช้ในสูตร จะกระทบกับ pH ของสูตร ทำให้ pH ของสูตรต่ำลง
- Vitamin B6 จะเสียคุณภาพได้รวดเร็ว หากถูกความร้อน ในขั้นตอนการผสม ห้ามใช้ความร้อนเกิน 40 องศา
- Vitamin B6 สามารถเสถียรใน pH ช่วง 2-6 เท่านั้น หาก pH สูงกว่านี้ จะทำให้เสื่อมคุณภาพ
- Vitamin B6 มีลักษณะเป็น electrolyte ซึ่งอาจทำให้เนื้อเจล หรือเนื้อครีม อ่อนตัวลง ในการสร้างเนื้อเจลหรือครีม ให้เพิ่มสัดส่วนของ Cream Maker หรือ Gel Maker ให้มากขึ้น เพื่อชดเชยการอ่อนตัวของเนื้อสูตร
การใช้: สำหรับผลิตภัณฑ์ใดๆ เพื่อลดความมันของผิว และกระชับรูขุมขน
วิธีการผสม: ผสมในส่วนของน้ำ (water-phase) โดยหลีกเลี่ยงความร้อนอย่างเด็ดขาด
อัตราการใช้: 0.5-3.0%
ลักษณะผลิตภัณฑ์: ผงสีขาว
การละลาย: สามารถละลายในน้ำ
การเก็บรักษา: หากต้องการเก็บในระยะยาว เก็บในที่เย็น อุณหภูมิ 4-8องศา มีอายุอย่างน้อย 4ปี
การใช้ : สำหรับผลิตภัณฑ์ใดๆ เพื่อลดความมันของผิว และกระชับรุขุมขน
วิธีการผสม : ผสมในส่วนของน้ำ (water-phase) โดยหลีกเลี่ยงความร้อนอย่างเด็ดขาด
อัตราการใช้ : 0.5-3.0%
ลักษณะผลิตภัณฑ์ : ผงสีขาว
การละลาย : สามารถละลายในน้ำ
การเก็บรักษา : หากต้องการเก็บในระยะยาว เก็บในที่เย็น อุณหภูมิ 4-8 องศา มีอายุอย่างน้อย 4 ปี
*****************************************************************
RiceSorb (Rice Starch ซับความมัน/สร้างเนื้อเจล)
RiceSorb Rice starch คือ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำแป้งข้าวมาผ่านกระบวนการเพื่อที่จะกำจัดส่วนของโปรตีนที่อยู่ร่วมกับ สตาร์ชออกไป จนมีความบริสุทธิ์สูงมาก โดยผ่านกระบวนการตัดให้ผงมีขนาดเล็กขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน เพื่อให้สามารถดูดซับน้ำมันจากผิวได้ดี และยังมีคุณสมบัติสร้างเนื้อเจล เมื่อให้ความร้อน
การทำงานของ RiceSorb แบ่งเป็น 2 ด้าน
1. ผสมในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 50 องศา RiceSorb จะให้ความนุ่มลื่น ดูดซับความมันของผิว โดยไม่ดูดน้ำจากผิว ซึ่งแตกต่างจาก แป้งชนิดทั่วๆ ไป เช่น Talc (ทัลคัม) ซึ่งนอกจากดูดความมัน แล้วยังดูดน้ำและความชุ่มชื้นออกจากผิว ส่งผลทำให้ผิวแห้ง หลังใช้ RiceSorb จึงเหมาะสำหรับการผสมใน Make Up ชนิดใดๆ ทดแทน Talc รวมถึงการผสมในครีมบำรุงผิว หรือครีมกันแดด ที่ใช้ระหว่างวัน (day cream) ซึ่งจะช่วยควบคุมความมัน
2. ผสมในอุณหภูมิที่สูงกว่า 70 องศา RiceSorb จะทำหน้าที่เป็น Gelling agent (สารสร้างเนื้อเจล) ให้ความข้นหนืด ให้กับสูตรโดย RiceSorb จะเริ่มละลายที่ 70 องศา และละลายได้ทั้งหมดที่ประมาณ 75-80 องศา โดยจะได้เนื้อเจลที่สวย แต่มีลักษณะเหนียวเกลี่ยยาก แต่เมื่อแห้งแล้วจะให้ความรู้สึกแห้งและลื่นผิว
RiceSorb ผลิตจาก 100% Natural GMO-Free Rice Starch ปราศจากการดัดแปลงพันธุกรรมของข้าว และไม่มีส่วนเจือปนจากสารเคมีใดๆ
เปรียบเทียบความรู้สึกผิว ของผง emollient แต่ละชนิด
MatteSilica , MatteSilica XL : ลื่น แห้ง สาก
Silicone Gel Base (Ultra Clear) : ลื่น
BB Micro Silk : ครีม นุ่ม
PowderCream : นุ่ม
AminoSilk : นุ่ม ลื่น พอเหมาะ เป็นธรรมชาติ
SiliSilk : นุ่ม ลื่น
Polymethylsilsesquioxane : นุ่ม ลื่น เหมือนซิลิโคน
RiceSorb : แห้ง สากแต่ลื่น
เปรียบเทียบลักษณะเนื้อสูตร เมื่อใช้ผง emollient แต่ละชนิด
MatteSilica , MatteSilica XL : อาจเหลวขึ้น ชนิด XL ใช้ปริมาณอาจเกิดเป็นขุย
Silicone Gel Base (Ultra Clear) : ใช้ในปริมาณมากอาจเกิดเป็นขุย
BB Micro Silk : ไม่กระทบต่อเนื้อสูตร
PowderCream : เนื้อสูตรข้นขึ้น
AminoSilk : ไม่กระทบต่อเนื้อสูตร
SiliSilk : เนื้อสูตรข้นขึ้น การใช้ในปริมาณมากอาจเกิดเป็นขุย หรือรู้สึกเคลือบผิว
Polymethylsilsesquioxane : ไม่กระทบต่อเนื้อสูตร
RiceSorb : เนื้อสูตรข้นขึ้น
RiceSorb ถูกออกแบบมาให้ดูดซับความมันได้ดี เหมาะกับงานที่ต้องการดูดซับความมัน จะมีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่ออยู่ในรูปผง เช่นใช้ในแชมพูแห้ง ที่เมื่อนำไปขยี้กับเส้นผม ก็จะช่วยดูดซับความมันบนเส้นผมและหนังศีรษะออกมาให้ หรือใช้ในสูตร makeup ที่จะช่วยดูดซับความมันระหว่างวันจากผิวให้ การใช้ในสูตรเหลว RiceSorb อาจจะมีประสิทธิภาพในการดูดซับได้น้อยลง แต่จะช่วยให้ผิวสัมผัสของสูตรที่แห้งขึ้นได้
การทำงานของ RiceSorb แบ่งเป็น 2 ด้าน
1. ผสมในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 50 องศา RiceSorb จะให้ความนุ่มลื่น ดูดซับความมันของผิว โดยไม่ดูดน้ำจากผิว ซึ่งแตกต่างจาก แป้งชนิดทั่วๆ ไป เช่น Talc (ทัลคัม) ซึ่งนอกจากดูดความมัน แล้วยังดูดน้ำและความชุ่มชื้นออกจากผิว ส่งผลทำให้ผิวแห้ง หลังใช้ RiceSorb จึงเหมาะสำหรับการผสมใน Make Up ชนิดใดๆ ทดแทน Talc รวมถึงการผสมในครีมบำรุงผิว หรือครีมกันแดด ที่ใช้ระหว่างวัน (day cream) ซึ่งจะช่วยควบคุมความมัน
2. ผสมในอุณหภูมิที่สูงกว่า 70 องศา RiceSorb จะทำหน้าที่เป็น Gelling agent (สารสร้างเนื้อเจล) ให้ความข้นหนืด ให้กับสูตรโดย RiceSorb จะเริ่มละลายที่ 70 องศา และละลายได้ทั้งหมดที่ประมาณ 75-80 องศา โดยจะได้เนื้อเจลที่สวย แต่มีลักษณะเหนียวเกลี่ยยาก แต่เมื่อแห้งแล้วจะให้ความรู้สึกแห้งและลื่นผิว
RiceSorb ผลิตจาก 100% Natural GMO-Free Rice Starch ปราศจากการดัดแปลงพันธุกรรมของข้าว และไม่มีส่วนเจือปนจากสารเคมีใดๆ
เปรียบเทียบความรู้สึกผิว ของผง emollient แต่ละชนิด
MatteSilica , MatteSilica XL : ลื่น แห้ง สาก
Silicone Gel Base (Ultra Clear) : ลื่น
BB Micro Silk : ครีม นุ่ม
PowderCream : นุ่ม
AminoSilk : นุ่ม ลื่น พอเหมาะ เป็นธรรมชาติ
SiliSilk : นุ่ม ลื่น
Polymethylsilsesquioxane : นุ่ม ลื่น เหมือนซิลิโคน
RiceSorb : แห้ง สากแต่ลื่น
เปรียบเทียบลักษณะเนื้อสูตร เมื่อใช้ผง emollient แต่ละชนิด
MatteSilica , MatteSilica XL : อาจเหลวขึ้น ชนิด XL ใช้ปริมาณอาจเกิดเป็นขุย
Silicone Gel Base (Ultra Clear) : ใช้ในปริมาณมากอาจเกิดเป็นขุย
BB Micro Silk : ไม่กระทบต่อเนื้อสูตร
PowderCream : เนื้อสูตรข้นขึ้น
AminoSilk : ไม่กระทบต่อเนื้อสูตร
SiliSilk : เนื้อสูตรข้นขึ้น การใช้ในปริมาณมากอาจเกิดเป็นขุย หรือรู้สึกเคลือบผิว
Polymethylsilsesquioxane : ไม่กระทบต่อเนื้อสูตร
RiceSorb : เนื้อสูตรข้นขึ้น
RiceSorb ถูกออกแบบมาให้ดูดซับความมันได้ดี เหมาะกับงานที่ต้องการดูดซับความมัน จะมีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่ออยู่ในรูปผง เช่นใช้ในแชมพูแห้ง ที่เมื่อนำไปขยี้กับเส้นผม ก็จะช่วยดูดซับความมันบนเส้นผมและหนังศีรษะออกมาให้ หรือใช้ในสูตร makeup ที่จะช่วยดูดซับความมันระหว่างวันจากผิวให้ การใช้ในสูตรเหลว RiceSorb อาจจะมีประสิทธิภาพในการดูดซับได้น้อยลง แต่จะช่วยให้ผิวสัมผัสของสูตรที่แห้งขึ้นได้
การใช้ : สำหรับผลิตภัณฑ์ใดๆ ที่ต้องการควบคุมความมัน ดูดซับความมันจากผิว
วิธีการผสม : หากต้องการให้ทำหน้าที่ดูดซับความมันจากผิว ให้ผสมในขั้นตอนสุดท้าย โดยปั่นให้กระจายตัวในเนื้อสูตร หากต้องการให้ทำหน้าที่เป็นสารสร้างเนื้อเจล ให้ผสมในขั้นตอนที่ใช้ความร้อน ซึ่งเมื่อละลายจะทำให้เกิดเนื้อเจล
อัตราการใช้ : 1-15% สำหรับ ครีมบำรุงผิว ครีมกันแดด ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทาบนผิว เพื่อช่วยควบคุมความมัน และ 10-100% สำหรับ Make Up (เช่น Face powder , foundation powder , eyes shadow) และ 5-10% สำหรับการสร้างเนื้อเจล
ลักษณะผลิตภัณฑ์ : ผงสีขาว น้ำหนักเบา อนุภาคเล็ก ลื่น
การละลาย : สามารถกระจายตัวในสูตรใดๆ ได้ แต่หากในสูตรมีน้ำมัน ให้ผสมในส่วนของน้ำ หรือผสมในขั้นตอนสุดท้าย เมื่อได้เนื้อครีมแล้ว
การละลาย : สามารถกระจายตัวในสูตรใดๆ ได้ แต่หากในสูตรมีน้ำมัน ให้ผสมในส่วนของน้ำ หรือผสมในขั้นตอนสุดท้าย เมื่อได้เนื้อครีมแล้ว
การเก็บรักษา : หากต้องการเก็บในระยะยาว เก็บในอุณหภูมิห้อง มีอายุอย่างต่ำ 2 ปี
*****************************************************************
BioSulphur กำมะถัน ไบโอเทค
BioSulphur กำมะถัน ไบโอเทค ที่เกิดจากกระบวนการ biotechnology ทำให้มีคุณสมบัติพิเศษ สามารถละลายในน้ำได้ ซึ่งแตกต่าง หากผง sulphur ทั่วไป ที่ไม่สามารถละลายในน้ำได้
ด้วยเทคโนโลยี ที่ทำให้ Liquid Sulphur สามารถละลายในน้ำได้โดยตรงนี้ ทำให้ มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก ในการออกฤทธิ์บนผิวหรือเส้นผม เมื่อเทียบกับ ผงกำมะถันทั่วไป ซึ่งออกฤทธิ์ได้น้อย เนื่องจากมีลักษณะเป็นผง ผิวไม่สามารถดูดซึมได้
BioSulphur มีประสิทธิภาพในด้านต่างๆ ดังนี้
- ลดความมัน ผิว และหนังศีรษะ กระชับรูขุมขนที่เกิดจากความมันของผิว
- ขจัดรังแค และอาการคันศีรษะ
- ลดรอยแดงจากสิว ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
- มีกลิ่นที่รุนแรงน้อยกว่า กำมะถันชนิดทั่วไป (ผงกำมะถัน)
การใช้ : สำหรับผลิตภัณฑ์รักษาสิว หรือลดความมันบนผิวหน้า หรือกระชับรูขุมขน หรือขจัดรังแค หรือแก้อาการคันศีรษะ ในทุกรูปแบบ เช่น สบู่ แชมพู ครีม โลชั่น เจล มาส์ก
วิธีการผสม : ผสมในส่วนของน้ำ (water-phase) สามารถทนกรด-ด่าง ได้สูง (pH 2-11)
อัตราการใช้ : 1-10% (เลือกใช้ตามประสิทธิภาพที่ต้องการ แนะนำ 4-5% สำหรับผิวหน้าที่มันมาก)
ลักษณะผลิตภัณฑ์ : ของเหลวสีน้ำตาลเข้ม โปร่งแสง มีกลิ่นกำมะถัน
การละลาย : สามารถละลายในน้ำได้โดยตรง
การเก็บรักษา : หากต้องการเก็บในระยะยาว เก็บในอุณหภูมิห้อง มีอายุอย่างต่ำ 24 เดือน
*****************************************************************
Hi-EGCG (Green Tea Extract)
Hi-EGCG คือ สารสกัดจากชาเขียว หรือ คาเทชิน ประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูงชื่อ EGCG (epigallocatechin gallate) ในปริมาณสูง มีประสิทธิภาพในการป้องกันความเสียหายของเซลล์ และการเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย
ผลการวิจัยวิทยาศาสตร์พบว่า สาร EGCG ที่พบในใบชาเขียวสกัด มีประสิทธิภาพสูงในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ซ่อมแซมผิวที่เสียหายจากรังสี UVA และ UVB นอกจากนี้ยังพบว่า สามารถช่วยลดการเกิดสิวได้ ด้วยการลดการสร้างความมันบนใบหน้า (sebum secretion) และลดการอักเสบ (anti-inflamatory) รวมถึงให้ผิวยืดหยุ่นขึ้น (elasticity)
Hi-EGCG มี EGCG (epigallocatechin gallate) อย่างน้อย 3% ซึ่งมากกว่า Green Tea Extract ชนิดทั่วไป อย่างน้อย 10 เท่า ซึ่งโดยเฉลี่ยจะมีสาร EGCG เข้มข้นเพียง 0.1-0.3% เท่านั้น นอกจากนี้ Hi-EGCG ผ่านกระบวนการ stabilization ซึ่งทำให้ความเสถียรสูงขึ้น เมื่อเทียบกับ Green Tea Extract ชนิดทั่วไป ที่มีความอ่อนแอ ต่อแสงมาก เมื่อถูกแสงจะเสื่อมคุณภาพได้อย่างรวดเร็ว
Vitamin E ชนิดใดๆ จะทำให้ EGCG (epigallocatechin gallate) เสื่อมคุณภาพเร็วขึ้นเมื่อถูกแสง ในสูตรที่ใช้ Hi-EGCG จึงไม่ควรมี Vitamin E ชนิดใดๆ ในสูตร
ผลการวิจัยวิทยาศาสตร์พบว่า สาร EGCG ที่พบในใบชาเขียวสกัด มีประสิทธิภาพสูงในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ซ่อมแซมผิวที่เสียหายจากรังสี UVA และ UVB นอกจากนี้ยังพบว่า สามารถช่วยลดการเกิดสิวได้ ด้วยการลดการสร้างความมันบนใบหน้า (sebum secretion) และลดการอักเสบ (anti-inflamatory) รวมถึงให้ผิวยืดหยุ่นขึ้น (elasticity)
Hi-EGCG มี EGCG (epigallocatechin gallate) อย่างน้อย 3% ซึ่งมากกว่า Green Tea Extract ชนิดทั่วไป อย่างน้อย 10 เท่า ซึ่งโดยเฉลี่ยจะมีสาร EGCG เข้มข้นเพียง 0.1-0.3% เท่านั้น นอกจากนี้ Hi-EGCG ผ่านกระบวนการ stabilization ซึ่งทำให้ความเสถียรสูงขึ้น เมื่อเทียบกับ Green Tea Extract ชนิดทั่วไป ที่มีความอ่อนแอ ต่อแสงมาก เมื่อถูกแสงจะเสื่อมคุณภาพได้อย่างรวดเร็ว
Vitamin E ชนิดใดๆ จะทำให้ EGCG (epigallocatechin gallate) เสื่อมคุณภาพเร็วขึ้นเมื่อถูกแสง ในสูตรที่ใช้ Hi-EGCG จึงไม่ควรมี Vitamin E ชนิดใดๆ ในสูตร
การใช้ : สำหรับผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอย ลดสิว อยู่ในรูปของเจล เซรั่ม โลชั่น หรือ ครีม
วิธีการผสม :
- ผสมในข้นตอนสุดท้าย โดยอุณหภูมิของเครื่องสำอางค์ต้องต่ำกว่า 40 องศา และ pH ระหว่าง 4.0-6.5
- ควรใช้ Disodium EDTA 0.1-0.2% ในสูตร เพื่อช่วยป้องกัน metal ions ทำลายคุณภาพของ Green Tea Extract และในสูตรไม่ควรมี Vitamin E ชนิดใดๆ
- ผลิตภัณฑ์สำเร็จ จะต้องได้รับการปกป้องจากแสง เช่น บรรจุในขวดทึบแสง เพื่อยืดอายุของ EGCG ให้คงประสิทธิภาพได้ยาวนานที่สุด
- ผสมในข้นตอนสุดท้าย โดยอุณหภูมิของเครื่องสำอางค์ต้องต่ำกว่า 40 องศา และ pH ระหว่าง 4.0-6.5
- ควรใช้ Disodium EDTA 0.1-0.2% ในสูตร เพื่อช่วยป้องกัน metal ions ทำลายคุณภาพของ Green Tea Extract และในสูตรไม่ควรมี Vitamin E ชนิดใดๆ
- ผลิตภัณฑ์สำเร็จ จะต้องได้รับการปกป้องจากแสง เช่น บรรจุในขวดทึบแสง เพื่อยืดอายุของ EGCG ให้คงประสิทธิภาพได้ยาวนานที่สุด
อัตราการใช้ : 1-5%
ลักษณะผลิตภัณฑ์ : ของเลวสีเขียวเข้ม-น้ำตาล อาจทำให้สีของเครื่องสำอางค์มีความเข้มขึ้น (โทนเขียว-น้ำตาล-ม่วง)
การละลาย : สามารถละลายในน้ำ
การเก็บรักษา : หากต้องการเก็บในระยะยาว เก็บในตู้เย็น 4-8 องศา ซีลถุงให้แน่น หลีกเลี่ยงอากาศ/แสง มีอายุอย่างต่ำ 2 ปี (การเก็บในที่เย็นเป็นเวลานาน อาจทำให้ผลิตภัณฑ์มีเนื้อข้นและขุ่น กรุณาทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง ที่อุณหภูมิห้อง ผลิตภัณฑ์จะกลับมาเหลวใส เหมือนเดิม ไม่ได้มีผลใดๆ ต่อคุณภาพ)
*****************************************************************
AcneBee Extra สารสกัดนมผึ้ง
AcneBee Extra สารสกัดจากนมผึ้ง โดยมีองค์ประกอบหลัก คือ สาร 10-hydroxydecanioc acid (10-HDA) มีคุณสมบัติ ลดความมันของผิว ควบคุมความมันใบใบหน้า ลดการเกิดสิว ต้าานเชื้อแบคทีเรียสิว
AcneBee Extra มีสาร 10-HDA มากกว่า AcneBee ชนิดธรรมดา 4 เท่า
ผลการวิจัยจากการใช้ AcneBee Extra
จากการทดลองพบว่า หลังใช้ AcneBee Extra 0.75% (เท่ากับ AcneBee 3%) ในสูตร สามารถลดความมันของผิวได้ยาวนานถึง 6 ชม.
จากการทดลองพบว่า หลังใจ AcneBee Extra 0.75% (เท่ากับ AcneBee 3%) ในสูตร ติดต่อกัน 3 สัปดาห์ สามารถลดความมันของผิวลงได้อย่างชัดเจน ซึ่งเห็นผลเริ่มตั้งแต่หลังใช้ 7 วัน และได้ผลสูงสุดเมื่อครบ 2 สัปดาห์ โดยการใช้ AcneBee Extra ในระยะยาว ไม่ได้ส่งผลให้ผิวแห้งหรือขาดน้ำ แต่จะให้ผิวมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น
AcneBee Extra มีสาร 10-HDA มากกว่า AcneBee ชนิดธรรมดา 4 เท่า
ผลการวิจัยจากการใช้ AcneBee Extra
การใช้ : สำหรับผลิตภัณฑ์รักษาสิว หรือลดความมันผิวหน้า ในรูปเจล ครีม หรือเซรั่ม
วิธีการผสม : ผสมในขั้นตอนสุดท้าย ในเนื้อครีมหรือเนื้อเจล (หลังได้เนื้อครีมหรือเนื้อเจลสมบูรณ์แล้ว) โดยห้ามถูกความร้อนเกิน 65 องศา และสูตรควรมี pH ในช่วง 4-5.5 เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
อัตราการใช้ : 1-2% (แนะนำ 2% สำหรับผิวมันมาก , 1.5% สำหรับผิวมันปานกลาง , 1.0% สำหรับผิวมันเล็กน้อย , ไม่จำเป็นต้องใช้สำหรับผิวธรรมดาหรือผิวแห้ง)
ลักษณะผลิตภัณฑ์ : ของเหลวใส สีเหลืองอ่อน
การละลาย : สามารถละลายในน้ำมัน
การเก็บรักษา : หากต้องการเก็บในระยะยาว เก็บในอุณหภูมิตู้เย็น 5-8 องศา ห้ามโดนแสงแดด ความร้อน ซีลฝาให้สนิท มีอายุอย่างต่ำ 24 เดือน
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ใช้ AcneBee เป็นส่วนประกอบสำคัญ
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ใช้ AcneBee เป็นส่วนประกอบสำคัญ
Dermalogica Sebum Clearing Masque
Clinique Acne Solutions Liquid Makeup
Lab Series Oil Control Daily Hydrator
*****************************************************************
MatteSilica S (ซิลิก้าชนิดนุ่มพิเศษ)
ผงซิลิก้า ผ่านกระบวนการพิเศษเคลือบด้วย Dimethicone เพื่อให้มีความนุ่ม มีทรงกลม (spherical) ขนาดเล็ก (ขนาดเฉลี่ย 5-7 ไมครอน) และมีโพรง (porous surface) ช่วยดูดซับน้ำมันได้ดีกว่าชนิดทั่วไป สำหรับปรับเนื้อเจลหรือเนื้อแป้งให้ลื่น (slip) และช่วยดูดซับความมันส่วนเกินบนผิว เหมาะสำหรับใช้ผสมในเนื้อแป้งหรือเนื้อเจล เพื่อ
1. ให้ลักษณะ Matte-Look (ผิวนวล) เมื่อทาผลิตภัณฑ์บนผิว ด้วยความสามารถในการดูดซับความมัน โดยไม่ทำให้หน้าแห้ง
2. ช่วยเพิ่มความลื่น (powdery / slip) เมื่อใช้ในเนื้อครีม
ลักษณะพิเศษของ MatteSilica S
1. ลักษณะผิวพิเศษ ดูดซับความมันได้สูงถึง 1.4-1.5 เท่า ของน้ำหนักซิลิก้าที่ใช้ ทำให้ช่วยคุมความมันได้ดี
2. ขนาดผงที่เล็กพิเศษ ให้ความลื่นได้มากกว่าปกติ
3. เคลือบ Dimethicone ทำให้เกิดความนุ่มบนผิว ให้ผิวสัมผัสที่ดี
จุดเด่นของผงซิลิก้า
- ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับผงปรับปรุงเนื้อผลิตภัณฑ์ชนิดอื่น เช่น SiliSilk , AminoSilk , BB Micro Silk แต่ให้ความลื่นกับผิว (slippery effect) ช่วยลดความรู้สึก "ฝืด" บนผิวของสูตรบางชนิด เช่น สูตรกันแดด และสามารถดูดซับน้ำมันได้ในระดับเทียบเท่ากัน แม้ว่าคุณสมบัติอื่นๆ จะเทียบเท่าไม่ได้ (ตัวอย่างเช่น SiliSilk ให้ความรู้สึก "นุ่ม" ด้วย AminoSilk สามารถเคลมได้ว่า มาจากกรดอะมิโน (ไลซีน) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติ รวมถึง BB Micro Silk ซึ่งมีประสิทธิภาพในการพรางริ้วรอยและรูขุมขนบนใบหน้า)
- สามารถใส่ได้ในทุกสูตร ไม่ว่าจะเป็นเนื้อครีม เนื้อเจล (อาจทำให้เจลเป็นสีขุ่น) หรือเนื้อแป้ง โดยจะทำหน้าที่ให้ความลื่น และดูดซับความมันของผิว
- ให้สีที่นวล (Matte) เวลาทาลงผิว โดยไม่ให้ความรู้สึกแห้ง ซึ่งโดยปกติสามารถให้ผิวที่นวลได้โดยการใช้เนื้อแป้งต่างๆ (เช่น Kaolin) มาช่วยดูดซับความมัน แต่ข้อเสียของการใช้เนื้อแป้งจำนวนมากคือความรู้สึกแห้งบนผิว (ไม่ลื่นเวลาทา - รู้สึกสากผิวเวลาทา) ซึ่ง MatteSilica จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสามารถให้ความนวลได้แม้ใช้ในปริมาณไม่มาก
ตัวอย่างการใช้ MatteSilica S ในสูตรต่างๆ
- foundation เนื้อครีม : ช่วยให้เกลี่ยง่ายขึ้น ช่วยให้เนื้อ foundation ติดทนนานขึ้น และให้สีนวล (Matte) หน้าไม่เงา (แต่หากในสูตรเนื้อครีม มีน้ำมันอยู่ MatteSilica จะดูดซับน้ำมันในสูตรแทน และประสิทธิภาพในการดูดซับน้ำมันบนผิวจะหายไป แต่ยังให้ความรู้สึกลื่นผิว และทำให้เกลี่ยเนื้อผลิตภัณฑ์ได้ง่าย อยู่ดังเดิม)
- ลิปสติก : ให้สีนวล (Matte) ลดความเงา ให้ความรู้สึกลื่นเหมือนเนื้อแป้ง (powder feel) ลื่นและกระจายเนื้อสีง่ายเวลาทา
- แป้ง (loose หรือ pressed powder) : ให้สีนวล (Matte) ให้ความรู้สึกลื่น ให้เนื้อแป้งติดทนนานยิ่งขึ้น
ข้อควรระวังในการใช้ MatteSilica S ในสูตรที่มีน้ำมันในสูตร (เช่นครีม หรือโลชั่น
ให้นำ MatteSilica ไปคนหรือปั่นในส่วนของน้ำ แล้วจึงประสานเข้ากับส่วนของน้ำมัน เพื่อป้องกันไม่ให้ผงดูดซับน้ำมันในสูตร
ความแตกต่างระหว่าง MatteSilica , MatteSilica S และ MatteSileca XL
- MatteSilica : ดูดซับความมันได้ต่ำกว่า MatteSilica XL ประมาณ 3 เท่า แต่ให้ความลื่นมากกว่า
- MatteSilica S : ดูดซับน้ำมันได้เทียบเท่ากับ MatteSilica แต่ให้ความนุ่ม เนื่องจากผ่านกระบวนการเคลือบ Dimethicone
- MatteSilica และ MatteSilica XL : ให้ผิวสัมผัสที่คล้ายกัน โดยจะรู้สึกลื่น และแห้ง แต่ขาดความนุ่มที่ได้จาก MatteSilica S
- ควรเลือกใช้ ให้ตรงกับผลที่ต้องการ หากเน้นทั้งความนุ่มลื่น และการซับความมัน ควรเลือก MatteSilica แต่หากเน้นเฉพาะการดูดซับความมันให้เลือก MatteSilica XL ซึ่งให้ความนุ่มลื่นได้น้อยกว่า MatteSilica
เปรียบเทียบความรู้สึกผิว ของผง emollient แต่ละชนิด
MatteSilica , MatteSilica XL : ลื่น แห้ง สาก
Silicone Gel Base (Ultra Clear) : ลื่น
BB Micro Silk : ครีม นุ่ม
PowderCream : นุ่ม ลื่น
AminoSilk : นุ่ม ลื่น พอเหมาะ เป็นธรรมชาติ
SiliSilk : นุ่มมาก ลื่น
Polymethylsilsesquioxane : นุ่ม ลื่น เหมือนซิลิโคน
RiceSorb : แห้ง สาก
เปรียบเทียบลักษณะเนื้อสูตร เมื่อใช้ผง emollient แต่ละชนิด
MatteSilica , MatteSilica XL : อาจเหลวขึ้น ชนิด XL ใช้ปริมาณมากอาจเกิดเป็นขุย
Silicone Gel Base (Ultra Clear) : ใช้ในปริมาณมากอาจเกิดเป็นขุย
BB Micro Silk : ไม่กระทบต่อเนื้อสูตร
PowderCream : เนื้อสูตรข้นขึ้น
AminoSilk : ไม่กระทบต่อเนื้อสูตร
SiliSilk : เนื้อสูตรข้นขึ้น การใช้ในปริมาณมากอาจเกิดเป็นขุย หรือรู้สึกเคลือบผิว
Polymethylsilsesquioxane : ไม่กระทบต่อเนื้อสูตร
RiceSorb : เนื้อสูตรข้นข้น
1. ให้ลักษณะ Matte-Look (ผิวนวล) เมื่อทาผลิตภัณฑ์บนผิว ด้วยความสามารถในการดูดซับความมัน โดยไม่ทำให้หน้าแห้ง
2. ช่วยเพิ่มความลื่น (powdery / slip) เมื่อใช้ในเนื้อครีม
ลักษณะพิเศษของ MatteSilica S
1. ลักษณะผิวพิเศษ ดูดซับความมันได้สูงถึง 1.4-1.5 เท่า ของน้ำหนักซิลิก้าที่ใช้ ทำให้ช่วยคุมความมันได้ดี
2. ขนาดผงที่เล็กพิเศษ ให้ความลื่นได้มากกว่าปกติ
3. เคลือบ Dimethicone ทำให้เกิดความนุ่มบนผิว ให้ผิวสัมผัสที่ดี
จุดเด่นของผงซิลิก้า
- ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับผงปรับปรุงเนื้อผลิตภัณฑ์ชนิดอื่น เช่น SiliSilk , AminoSilk , BB Micro Silk แต่ให้ความลื่นกับผิว (slippery effect) ช่วยลดความรู้สึก "ฝืด" บนผิวของสูตรบางชนิด เช่น สูตรกันแดด และสามารถดูดซับน้ำมันได้ในระดับเทียบเท่ากัน แม้ว่าคุณสมบัติอื่นๆ จะเทียบเท่าไม่ได้ (ตัวอย่างเช่น SiliSilk ให้ความรู้สึก "นุ่ม" ด้วย AminoSilk สามารถเคลมได้ว่า มาจากกรดอะมิโน (ไลซีน) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติ รวมถึง BB Micro Silk ซึ่งมีประสิทธิภาพในการพรางริ้วรอยและรูขุมขนบนใบหน้า)
- สามารถใส่ได้ในทุกสูตร ไม่ว่าจะเป็นเนื้อครีม เนื้อเจล (อาจทำให้เจลเป็นสีขุ่น) หรือเนื้อแป้ง โดยจะทำหน้าที่ให้ความลื่น และดูดซับความมันของผิว
- ให้สีที่นวล (Matte) เวลาทาลงผิว โดยไม่ให้ความรู้สึกแห้ง ซึ่งโดยปกติสามารถให้ผิวที่นวลได้โดยการใช้เนื้อแป้งต่างๆ (เช่น Kaolin) มาช่วยดูดซับความมัน แต่ข้อเสียของการใช้เนื้อแป้งจำนวนมากคือความรู้สึกแห้งบนผิว (ไม่ลื่นเวลาทา - รู้สึกสากผิวเวลาทา) ซึ่ง MatteSilica จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสามารถให้ความนวลได้แม้ใช้ในปริมาณไม่มาก
ตัวอย่างการใช้ MatteSilica S ในสูตรต่างๆ
- foundation เนื้อครีม : ช่วยให้เกลี่ยง่ายขึ้น ช่วยให้เนื้อ foundation ติดทนนานขึ้น และให้สีนวล (Matte) หน้าไม่เงา (แต่หากในสูตรเนื้อครีม มีน้ำมันอยู่ MatteSilica จะดูดซับน้ำมันในสูตรแทน และประสิทธิภาพในการดูดซับน้ำมันบนผิวจะหายไป แต่ยังให้ความรู้สึกลื่นผิว และทำให้เกลี่ยเนื้อผลิตภัณฑ์ได้ง่าย อยู่ดังเดิม)
- ลิปสติก : ให้สีนวล (Matte) ลดความเงา ให้ความรู้สึกลื่นเหมือนเนื้อแป้ง (powder feel) ลื่นและกระจายเนื้อสีง่ายเวลาทา
- แป้ง (loose หรือ pressed powder) : ให้สีนวล (Matte) ให้ความรู้สึกลื่น ให้เนื้อแป้งติดทนนานยิ่งขึ้น
ข้อควรระวังในการใช้ MatteSilica S ในสูตรที่มีน้ำมันในสูตร (เช่นครีม หรือโลชั่น
ให้นำ MatteSilica ไปคนหรือปั่นในส่วนของน้ำ แล้วจึงประสานเข้ากับส่วนของน้ำมัน เพื่อป้องกันไม่ให้ผงดูดซับน้ำมันในสูตร
ความแตกต่างระหว่าง MatteSilica , MatteSilica S และ MatteSileca XL
- MatteSilica : ดูดซับความมันได้ต่ำกว่า MatteSilica XL ประมาณ 3 เท่า แต่ให้ความลื่นมากกว่า
- MatteSilica S : ดูดซับน้ำมันได้เทียบเท่ากับ MatteSilica แต่ให้ความนุ่ม เนื่องจากผ่านกระบวนการเคลือบ Dimethicone
- MatteSilica และ MatteSilica XL : ให้ผิวสัมผัสที่คล้ายกัน โดยจะรู้สึกลื่น และแห้ง แต่ขาดความนุ่มที่ได้จาก MatteSilica S
- ควรเลือกใช้ ให้ตรงกับผลที่ต้องการ หากเน้นทั้งความนุ่มลื่น และการซับความมัน ควรเลือก MatteSilica แต่หากเน้นเฉพาะการดูดซับความมันให้เลือก MatteSilica XL ซึ่งให้ความนุ่มลื่นได้น้อยกว่า MatteSilica
เปรียบเทียบความรู้สึกผิว ของผง emollient แต่ละชนิด
MatteSilica , MatteSilica XL : ลื่น แห้ง สาก
Silicone Gel Base (Ultra Clear) : ลื่น
BB Micro Silk : ครีม นุ่ม
PowderCream : นุ่ม ลื่น
AminoSilk : นุ่ม ลื่น พอเหมาะ เป็นธรรมชาติ
SiliSilk : นุ่มมาก ลื่น
Polymethylsilsesquioxane : นุ่ม ลื่น เหมือนซิลิโคน
RiceSorb : แห้ง สาก
เปรียบเทียบลักษณะเนื้อสูตร เมื่อใช้ผง emollient แต่ละชนิด
MatteSilica , MatteSilica XL : อาจเหลวขึ้น ชนิด XL ใช้ปริมาณมากอาจเกิดเป็นขุย
Silicone Gel Base (Ultra Clear) : ใช้ในปริมาณมากอาจเกิดเป็นขุย
BB Micro Silk : ไม่กระทบต่อเนื้อสูตร
PowderCream : เนื้อสูตรข้นขึ้น
AminoSilk : ไม่กระทบต่อเนื้อสูตร
SiliSilk : เนื้อสูตรข้นขึ้น การใช้ในปริมาณมากอาจเกิดเป็นขุย หรือรู้สึกเคลือบผิว
Polymethylsilsesquioxane : ไม่กระทบต่อเนื้อสูตร
RiceSorb : เนื้อสูตรข้นข้น
การใช้ : สำหรับผลิตภัณฑ์ใดๆ ที่ต้องการความลื่น และช่วยดูดซับน้ำมัน ให้ผิวนวล (Matte Look)
วิธีการผสม : ผสมในขั้นตอนสุดท้าย โดยปั่นให้กระจายตัวในเนื้อสูตร สามารถทนความร้อนได้
อัตราการใช้ : 1-15% ปริมาณการใช้ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพที่ต้องการ
ลักษณะผลิตภัณฑ์ : ผงสีขาว น้ำหนักเบา อนุภาคเล็ก ลื่น
การละลาย : สามารถกระจายตัวในสูตรใดๆ ได้ แต่หากในสูตรมีน้ำมัน ให้ผสมในส่วนของน้ำ หรือผสมในขั้นตอนสุดท้ายเมื่อได้เนื้อครีมแล้ว
การเก็บรักษา : หากต้องการเก็บในระยะยาว เก็บในอุณหภูมิห้อง มีอายุอย่างต่ำ 2 ปี
*****************************************************************
LipidSoft F (Ethyl Linoleate)
Ethyl Linoleate หรือ Vitamin F (Linoleic Acid) ในรูปหนึ่ง ให้ผิวสัมผัสที่ดี ทั้งยังช่วยปรับสมดุลของชุ่มชื้นผิว ลดความมันส่วนเกิน (excess sebum secretion) ฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวชั้นนอก เหมาะสำหรับผิวที่แห้งกร้าน แตก ผิวอ่อนโยน รวมถึงผิวที่ขับความมันในระดับที่เกินความเหมาะสม นอกจากนี้ ยังนิยมใช้บำรุงเล็บ แก้ปัญหาเล็บเปราะ (brittle nail)
Ethyl Linoleate มีผิวสัมผัสที่บางเบามาก
การใช้ : สำหรับผลิตภัณฑ์ทุกรูปแบบ
วิธีการผสม : ผสมในส่วนของน้ำมัน สามารถทนความร้อนได้ แต่ไม่เกิน 80% และไม่เกิน 15 นาที
อัตราการใช้ : 1-20%
ลักษณะผลิตภัณฑ์ : ของเหลวสีเหลืองใส
การละลาย : สามารถละลายในน้ำมัน
การเก็บรักษา : หากต้องการเก็บในระยะยาว เก็บในอุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสง มีอายุอย่างน้อย 2 ปี
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ใช้ Ethyl Linoleate
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ใช้ Ethyl Linoleate
Yves Rocher Intense Regenerating Care
Heliocare 360 องศา fluid cram
Laura Mercier secret finish
Murad Essential-C Night Moisture
*****************************************************************
Polyglide ให้ผิวสัมผัสลื่น
Polyglide คือ Polyethylene Glycol ที่มีน้ำหนักโมเลกุลที่เหมาะสม เพื่อทำหน้าที่ให้ผิวสัมผัสที่ลื่น เพื่อให้สามารถโกนขน หรือโกนหนวดได้ง่าย และช่วยลดการระคายเคืองผิวที่เกิดจากใบมีด
การใช้ : สำหรับผลิตภัณฑ์ทุกรูปแบบ ที่ต้องการให้เกิดผิวสัมผัสที่ลื่นบนผิว
วิธีการผสม : ผสมในส่วนของน้ำ (water-phase) โดยใช้ความร้อน 80 องศา ช่วยละลาย หากสูตรมี Butylene Glycol แนะนำผสมกับ Butylene Glycol โดยใช้ความร้อน 70-80 องศา จะละลายได้ง่ายกว่าการผสมกับน้ำ
อัตราการใช้ : 1-5% (แนะนำ 3.5%)
ลักษณะผลิตภัณฑ์ : ผงสีขาว สามารถทนความร้อน กรด ด่าง ได้
การละลาย : สามารถละลายในน้ำ โดยการใช้ความร้อน , หากสูตรมีองค์ประกอบของกลุ่ม Glycol เช่น Propylene Glycol , Butylene Glycol กรุณาให้ละลายเข้ากับ Glycol ในสูตร ซึ่งจะละลายได้ง่ายกว่าละลายในน้ำมาก
การเก็บรักษา : เก็บในอุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงความร้อน และแสงแดด อายุ 2 ปี
*****************************************************************
0
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น